简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:ราคาของเหรียญอันดับหนึ่งของโลกอย่าง Bitcoin นั้นดูเหมือนว่าจะมีการพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงเช้าของวันเสาร์นี้ โดยมันได้พุ่งทะลุระดับ 51,000 ดอลลาร์ไปอย่างรุนแรง
ราคาของเหรียญอันดับหนึ่งของโลกอย่าง Bitcoin นั้นดูเหมือนว่าจะมีการพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงเช้าของวันเสาร์นี้ โดยมันได้พุ่งทะลุระดับ 51,000 ดอลลาร์ไปอย่างรุนแรง และเกิดขึ้นในขณะที่หลาย ๆ คนนั้นกำลังตั้งตัวไม่ทัน
ราคาของเหรียญ BTC นั้นได้มีการปรับตัวขึ้นตั้งแต่ตอนช่วงเวลาประมาณตี 3 ของวันนี้ โดยได้เพิ่มขึ้นจากจุดต่ำสุดของเมื่อวานนี้ที่ 49,401 ดอลลาร์ ขึ้นไปอยู่ที่ 51,877 ดอลลาร์ในตอนช่วงเวลาตี 3 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นช่วงที่ฝั่งประเทศไทยยังหลับไหลกันอยู่ ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าการเพิ่มขึ้นของราคาดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นเพราะสาเหตุใด แต่ที่แน่ ๆ ก็คือมันเกิดขึ้นในช่วงวันหยุดพอดี
ซึ่งการเพิ่มขึ้นของราคาในช่วงวันหยุดนั้นเกิดขึ้นติดต่อกันหลายสัปดาห์แล้ว นับตั้งแต่ช่วงเดือนที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ทางสยามบล็อกเชนได้รายงานไปแล้วว่าผู้ก่อตั้งบริษัทด้านกองทุนชื่อดัง Fundstrat อย่างนาย Tom Lee ได้ออกมาเผยว่าราคาของเหรียญ BTC นั้นมีโอกาสที่จะพุ่งไปแตะ 100,000 ดอลลาร์ได้ภายในสิ้นปีนี้ “หนึ่งแสนภายในสิ้นปีนั้นค่อนข้างสมเหตุสมผล“ ก่อนหน้านี้ในเดือนกุมภาพันธ์ Lee เคยทำนายว่าเหรียญคริปโตเบอร์หนึ่งของโลกอาจพุ่งแตะระดับ 125,000 ดอลลาร์
แม้ว่าตลาดจะกลับเข้าสู่ช่วงขาลงเมื่อ Tesla ประกาศว่าจะไม่รับการชำระเงินด้วย Bitcoin อีกต่อไป เนื่องจากความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม ในช่วงเวลานั้น Lee กล่าวว่า : “Bitcoin อาจปรับฐานราคาลง 40-50 % ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ราคาเท่านั้น และไม่ได้ทำให้มูลค่าเปลี่ยนแปลงไป และเป้าหมายราคายังคงอยู่ที่ $100,000 เช่นเดิม“ จากการทวีตในครั้งนั้นแสดงให้เห็นว่านาย Lee ยังคงเชื่อมั่นในจุดยืนเดิมของเมื่อช่วงต้นปีที่ได้กล่าวไว้ว่าราคา Bitcoin จะพุ่งแตะระดับตัวเลข 6 หลัก
แอปพลิเคชั่น ‘Wikibit’ มีฟีเจอร์โดนๆ สำหรับนักลงทุน อย่าง การตรวจสอบ Exchange และ Token เพื่อช่วยให้การตัดสินใจในการลงทุนของคุณนั้นง่ายขึ้น เพียงแค่คุณกดค้นหาเท่านั้น ข้อมูลที่คุณควรรู้ก็จะปรากฏขึ้นมาแบบครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น คะแนนความน่าเชื่อถือจากแอป ใบอนุญาต ข้อมูลโครงการ การเยี่ยมชมจากเจ้าหน้าที่เพื่อยืนยันการมีอยู่ของบริษัทนั้นตามที่ได้แจ้งข้อมูลกับทาง ก.ล.ต. เพื่อขอใบอนุญาต ถือว่าครบจบในแอปเดียว อย่ารอช้าโหลดเลย!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
ปลายปี 2017 คือจุดพีคของกระแส Bitcoin ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของการรวยเร็ว ราคาพุ่งทะยานจาก $1,000 สู่เกือบ $20,000 ในเวลาไม่ถึงปี จนเกิดกระแส FOMO ไปทั่วโลก ผู้คนเทขายทรัพย์สินเพื่อเข้าตลาด แต่เมื่อต้นปี 2018 ฟองสบู่แตก ราคาดิ่งลงอย่างรุนแรง สะท้อนบทเรียนสำคัญว่า “ตลาดที่ขึ้นเร็ว มักลงแรง” แม้ภายหลังคริปโตจะฟื้นตัวและพัฒนาต่อไป แต่เหตุการณ์ปี 2017 ยังเป็นรอยจำของนักลงทุนรุ่นเก่า เตือนใจให้คิดให้รอบคอบก่อนลงทุน และอย่าหลงไปกับกระแสโดยไม่เข้าใจสิ่งที่ถืออยู่
Robinhood เปิดตัวโทเคนหุ้นอ้างอิงบริษัทดังอย่าง OpenAI และ SpaceX แม้หุ้นยังไม่ IPO จุดกระแส Tokenization แต่กลับถูกตั้งคำถามเรื่องความโปร่งใส เมื่อพบว่าโทเคนเหล่านั้นอาจไม่ใช่หุ้นจริง ไม่ได้ให้สิทธิ์ผู้ถือ และอาจเป็นเพียงตราสารอนุพันธ์บนบล็อกเชน ด้าน OpenAI ปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้ตลาดเริ่มตั้งข้อสงสัยว่า “นี่คือการลงทุนจริง หรือแค่ภาพลวงตา” บทเรียนสำคัญสำหรับนักลงทุนยุคใหม่: อย่ามองแค่ชื่อแบรนด์ ต้องตรวจสอบเบื้องหลังว่า "ถืออะไรอยู่จริง"
Ricardo Salinas มหาเศรษฐีอันดับ 3 ของเม็กซิโก ออกโรงเตือนถึงภัยจาก ระบบเงินเฟียต (Fiat money) ที่ไม่มีอะไรค้ำประกัน พร้อมประกาศชัดว่า Bitcoin และทองคำ คือทางรอดของความมั่งคั่งในยุคเศรษฐกิจเปราะบาง “บ้านสร้างเพิ่มได้…แต่ Bitcoin มีจำกัด” Salinas มองว่าอสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่ที่เก็บมูลค่าอีกต่อไป เพราะถูกเงินเฟ้อกัดกิน ขณะที่ Bitcoin เป็น “Hard money” ที่ไม่มีใครควบคุมได้ และพกพาได้ไร้พรมแดน เขายังจี้ให้พิจารณารีไฟแนนซ์บ้าน แล้วเอาเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ต้านเงินเฟ้อแทน พร้อมวิจารณ์แรงว่า…“เงินเฟียตคือเครื่องมือขโมยความมั่งคั่งของประชาชน”
ปลายเดือนมิถุนายน 2568 นักลงทุนคริปโตถูกปล้นเงินสดกว่า 3.4 ล้านบาทกลางลานจอดรถห้างดังย่านลาดพร้าว ขณะทำธุรกรรมซื้อขายเหรียญดิจิทัลกับกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนและมีดในการก่อเหตุ ผู้เสียหายได้นัดหมายซื้อขายล่วงหน้า ก่อนถูกบุกปล้นและหลบหนีโดยรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งสืบสวน พบมีการวางแผนล่วงหน้า เหตุการณ์นี้ชี้ให้เห็นความเสี่ยงสูงของการทำธุรกรรมนอกระบบและถือเงินสดจำนวนมากในตลาดคริปโต