简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ: คำถามที่ยังคงค้างคาอยู่ในใจของนักเทรดส่วนใหญ่อยู่ก็คือ จะเกิดอะไรขึ้นหาก Bitcoin ถูกแฮ็ก?
คำถามที่ยังคงค้างคาอยู่ในใจของนักเทรดส่วนใหญ่อยู่ก็คือ จะเกิดอะไรขึ้นหาก Bitcoin ถูกแฮ็ก? โดยในรายการ Unchained podcast ตอนล่าสุด พิธีกร Laura Shin ได้เรียนเชิญนาย Justin Drake นักวิจัยของ Ethereum Foundation และนาย Vijay Boyapati อดีตวิศวกรของ Google มาเป็นแขกรับเชิญเพื่อร่วมกันอภิปรายว่า มีความเป็นไปได้ไหมที่ Bitcoin จะถูกโจมตี 51% และใครสามารถใช้วิธีนี้ได้บ้าง โจมตี 51% ด้วยเงินดอลลาร์
Boyapati เริ่มต้นมาด้วยการนำเสนอแนวคิดที่ว่า ความปลอดภัยเป็นสเปกตรัมและไม่ใช่ไบนารี่ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ใช้หรือแม้แต่เครือข่ายอาจต้องการการยืนยันธุรกรรมในจำนวนที่ต่างกัน Drake เห็นด้วยว่า ความปลอดภัยนั้นเป็นคลื่นความถี่ หากอัตราแฮชเรตของผู้โจมตีน้อยกว่า 50% อย่างไรก็ตามเขาโต้แย้งว่า หากผู้โจมตีสามารถควบคุมอัตราแฮชเรตมากกว่า 50% ความปลอดภัยจะกลายเป็นไบนารี่ในทันที นอกจากนี้ผู้โจมตียังได้รับ “God mode” เหนือ Bitcoin ด้วยอำนาจในการขุดบล็อกที่ว่างเปล่าจนกว่าจะหมดเวลาอีกด้วย Drake ได้มุ่งเป้าความสนใจไปที่กลไก proof-of-work ซึ่งเขาอ้างว่าผู้โจมตีสามารถทำให้ “God mode” กลายเป็นจริงได้ด้วยการซื้ออัตราแฮชเรตเพื่อใช้ในการโจมตี 51%
“ปัจจุบันอัตราแฮชเรตบนเครือข่าย Bitcoin อยู่ที่ประมาณ 150 ล้าน th/s ซึ่งคุณสามารถถามประเมินได้ว่า ต้นทุนในการผลิตและปรับใช้ 1 th/s นั้นมีราคาเท่าไหร่ และคุณสามารถแลกเปลี่ยนอัตราแฮชเรตจำนวนนั้นด้วยเงินดอลลาร์” หากกำหนดเงิน 50 ดอลลาร์ต่อ 1 th/s Drake คำนวณว่าผู้โจมตีต้องใช้เงินประมาณ 7.5 พันล้านดอลลาร์ในการโจมตี 51% พร้อมกันนี้เขายังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า “เกราะป้องกันทางเศรษฐกิจ” ของ Bitcoin จะกลายเป็น “ถั่วลิสง” ในทันที หากประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาหรือจีนต้องการที่จะทำลายเครือข่าย อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของ Boyapati เขากล่าวแย้งว่า เครือข่าย Bitcoin ถูกสร้างขึ้นเพื่อจูงใจผู้ใช้ที่มีอัตราแฮชเรตเป็นจำนวนมาก นำพวกมันมาใช้ในการขุด แทนที่จะใช้เพื่อโจมตีเครือข่าย Boyapati ได้อ้างถึงทฤษฎีเกมเพื่อโต้แย้ง
แอปพลิเคชั่น ‘Wikibit’ มีฟีเจอร์โดนๆ สำหรับนักลงทุน อย่าง การตรวจสอบ Exchange และ Token เพื่อช่วยให้การตัดสินใจในการลงทุนของคุณนั้นง่ายขึ้น เพียงแค่คุณกดค้นหาเท่านั้น ข้อมูลที่คุณควรรู้ก็จะปรากฏขึ้นมาแบบครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น คะแนนความน่าเชื่อถือจากแอป ใบอนุญาต ข้อมูลโครงการ การเยี่ยมชมจากเจ้าหน้าที่เพื่อยืนยันการมีอยู่ของบริษัทนั้นตามที่ได้แจ้งข้อมูลกับทาง ก.ล.ต. เพื่อขอใบอนุญาต ถือว่าครบจบในแอปเดียว อย่ารอช้าโหลดเลย!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
ราคาบิตคอยน์พุ่งกว่า 3% แตะระดับสูงสุดในรอบเกือบเดือน หลังข่าวลือว่าทรัมป์อาจปลดพาวเวลจากตำแหน่งประธานเฟด จุดกระแสเทขายดอลลาร์และหนุนความเชื่อมั่นในคริปโต นักลงทุนมองบิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองสหรัฐฯ.
แม้ทรัมป์เคยลั่นว่าจะดันสหรัฐฯ เป็นประเทศมิตรกับคริปโทที่สุดในโลก แต่หลังรับตำแหน่งจริงกลับไร้นโยบายชัดเจน ขณะเดียวกัน พอร์ตคริปโทรัฐบาลสหรัฐฯ หายไปร่วม 26% ใน 3 เดือนหลังเข้ารับตำแหน่ง แถมนโยบาย "ภาษีวันปลดปล่อย" ยังซัดตลาดคริปโทร่วงยับกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์!
ราคาของ Bitcoin ร่วงลงกว่า 2.19% สู่ระดับ $83,259 หลังจากนโยบายภาษีตอบโต้ของทรัมป์มีผลบังคับใช้ ส่งผลกระทบต่อตลาดคริปโตและตลาดหุ้นทั่วโลก โดยไทยเองก็โดนผลกระทบจากภาษีนำเข้าสูงถึง 36% นอกจาก BTC แล้ว Altcoin ส่วนใหญ่ก็ดิ่งลงเช่นกัน มีเพียงไม่กี่โปรเจกต์ที่ยังคงต้านทานแรงกดดันจากตลาดได้
ตัวตนของ “ซาโตชิ นากาโมโตะ” ผู้สร้าง Bitcoin ยังคงเป็นปริศนาที่โลกคริปโทไม่เคยไขกระจ่าง แม้เวลาจะผ่านไป Benjamin Wallace นักสืบและอดีตนักเขียน Newsweek ได้อุทิศเวลาถึง 15 ปี เพื่อตามหาผู้สร้าง Bitcoin โดยการวิเคราะห์หลักฐานที่ซาโตชิทิ้งไว้ รวมถึงตรวจสอบสมาชิกกลุ่ม Cypherpunks ที่น่าสงสัย เช่น James A. Donald อย่างไรก็ตาม แม้จะพบเบาะแสที่เชื่อมโยงได้มากมาย Donald กลับปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา Wallace ตระหนักในที่สุดว่า Bitcoin ได้เติบโตขึ้นจนอยู่เหนือผู้สร้าง และไม่จำเป็นต้องพึ่งพาบารมีของซาโตชิอีกต่อไป โดยซาโตชิอาจเป็นเพียงสัญลักษณ์แห่งอิสรภาพทางการเงินในศตวรรษที่ 21 มากกว่าจะเป็นตัวตนของใครคนหนึ่ง