简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:สรุปราคาทองคําวานนี้ปิดปรับตัวลดลงต่ออีก 34.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตลอดทั้งวันราคาทองคําปรับตัวลงต่อเนื่อง โดยได้รับแรงกดดันจาก 2 ประเด็นหลัก ได้แก่
สรุป ราคาทองคําวานนี้ปิดปรับตัวลดลงต่ออีก 34.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตลอดทั้งวันราคาทองคําปรับตัวลงต่อเนื่อง โดยได้รับแรงกดดันจาก 2 ประเด็นหลัก ได้แก่
(1.) ความหวังว่าการ เจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนจะมีความคืบหน้า หลังจากผู้แทนการเจรจาทั้ง 2 ฝ่ายต่างออกมาแสดงความเห็นในเชิงบวกว่าอาจบรรลุผลลัพธ์บางอย่างภายในเวลาไม่กี่วันข้างหน้านี้ แม้วานนี้การเจรจาสันติภาพรอบที่ 4 จะเสร็จสิ้นลงโดยยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ทั้ง 2 ฝ่ายยังคงเดินหน้าเจรจากันต่อไป และจะเริ่มการเจรจาครั้งใหม่ในวันนี้ ปัจจัยดังกล่าวกระตุ้นแรงขายสินทรัพย์ ปลอดภัยในวงกว้าง ทั้งทองคํา ดอลลาร์สหรัฐ รวมไปถึงพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
(2.) การคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟต)จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2018 ในการประชุม นโยบายการเงินที่กําลังจะเสร็จสิ้นลงในช่วงกลางดึกของคืนวันพุธนี้ และเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีนี้และปีหน้า เนื่องจากเฟตให้ความสําคัญกับการควบคุมเงินเฟ้อมากกว่าความเสี่ยง ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวหนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นสู่ระดับ 2.1472% ซึ่งเป็นระดับสูงสุด นับตั้งแต่เดือนก.ค. 2019 จนเป็นปัจจัยกดดันทองคําในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยเพิ่ม สถานการณ์ดังกล่าวกดดันให้ราคาทองคําร่วงลงทําระดับต่ําสุดต่ํากว่า วันทําการก่อนหน้าถึง 5 วันทําการติดต่อกัน ล่าสุดเช้านี้ปรับตัวลดลงทดสอบระดับต่ําสุดที่ 1,839.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคําไม่เปลี่ยนแปลง สําหรับวันนี้ติดตาม การเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) และดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index)ของสหรัฐ
ระยะสั้นราคาพยายามจะดีดตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านระดับ บริเวณ 1,950-1,958 ดอลลาร์ต่อ ออนซ์แต่หากราคาขยับขึ้นยังคงมีแรงขายทำกำไรสลับออกมาหรือหากราคาไม่สามารถยืนเหนือระดับบริเวณ 1,974 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างมั่นคง จะเกิดแรงขายกดดันให้ราคาลงมาบริเวณ แนวรับโซน 1,939-1,929 ดอลลาร์ต่อออนซ์
คําแนะนํา เปิดสถานะขาย 1,958-1,974
จุดทํากําไร ซื้อคืนเพื่อทํากําไร $1,939-1,929
ตัดขาดทุน ตัดขาดทุนสกานะขายหากผ่าน $1,974
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
กลางเดือนมิถุนายน 2568 ราคาทองคำในประเทศไทยพุ่งสูงจากความตึงเครียดในตะวันออกกลาง แนวโน้มการลดดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และเงินบาทที่อ่อนค่า ร้านค้าทองบางแห่งถึงขั้นหยุดซื้อ–ขายชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง นักลงทุนควรติดตามข่าวสาร เข้าใจกลไกราคา และระมัดระวังการตัดสินใจท่ามกลางภาวะตลาดผันผวนสูง
บทความนี้เปรียบเทียบบิทคอยน์และทองคำในฐานะสินทรัพย์เพื่อการลงทุน โดยชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างในด้านจำนวนจำกัด ความสามารถในการเก็บมูลค่า ความปลอดภัย และความคล่องตัวในการเคลื่อนย้าย ทั้งสองสินทรัพย์มีบทบาทในการป้องกันความเสี่ยงและตอบโจทย์นักลงทุนในลักษณะที่ต่างกัน — บิทคอยน์เหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูงและสนใจเทคโนโลยีใหม่ ส่วนทองคำเหมาะกับผู้ที่ต้องการความมั่นคงระยะยาว บทสรุปเสนอแนวทาง “กระจายการลงทุน” ถือทั้งสองสินทรัพย์ตามสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อสร้างสมดุลระหว่างโอกาสและความปลอดภัยในพอร์ตลงทุน
แจ้งไลฟ์สดโดย คุณเพชร จากเพจ "เพชรพร้อมเทรด" ในวันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม 2568 เวลา 13.00 – 15.00 น.
ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าไม่เสื่อมสลายและสามารถช่วยรักษาความมั่งคั่งในระยะยาว โดยเฉพาะในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจหรือการเงินที่ผันผวน มันมีคุณสมบัติเป็น "สินทรัพย์ปลอดภัย" และให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว การลงทุนในทองคำสามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการซื้อทองคำแท่ง กองทุนรวมทองคำ หรือผ่าน Gold ETFs และ Gold Futures นักลงทุนควรเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับเป้าหมายและระยะเวลาการลงทุน เพื่อเพิ่มความมั่นคงและกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน.