简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) ส่งสัญญาณชัดเจนว่าอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะลดลงต่อไปในอนาคต หลังจากที่ Fed ปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่ตลาดคาดไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสังเกตคือแม้ว่าจะลดดอกเบี้ย แต่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ กลับเคลื่อนไหวสูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงผลตอบแทนระยะยาว
ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) ส่งสัญญาณชัดเจนว่าอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะลดลงต่อไปในอนาคต หลังจากที่ Fed ปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่ตลาดคาดไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสังเกตคือแม้ว่าจะลดดอกเบี้ย แต่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ กลับเคลื่อนไหวสูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงผลตอบแทนระยะยาว
ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ซึ่งถือเป็น Benchmark สำหรับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล พุ่งขึ้นประมาณ 0.17% นับตั้งแต่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) เมื่อวันที่ 17-18 กันยายน ซึ่งถือเป็นการพลิกตัวกลับของผลตอบแทน หลังจากที่ลดลงอย่างรวดเร็วตลอดเดือนกันยายน
ผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดพันธบัตรกำลังมองว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นเพียงการชดเชยให้กับตลาด ที่ก่อนหน้านี้คาดหวังการผ่อนคลายนโยบายของ Fed มากเกินไป
ตลาดได้คาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่เจ้าหน้าที่ Fed ได้ประมาณการไว้ในการประชุมล่าสุด แม้ว่า Fed จะลดดอกเบี้ยไปแล้ว 0.5% เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เจ้าหน้าที่ Fed คาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยอีก 0.5% ภายในสิ้นปี และอีก 1% ภายในสิ้นปี 2025 ในทางตรงกันข้ามตลาดคาดว่า Fed จะลดดอกเบี้ยอีก 2% เลยทีเดียว ตามข้อมูลจาก FedWatch ของ CME Group
แม้ว่าพันธบัตรอายุยาวกว่า เช่น พันธบัตรอายุ 10 ปี จะมีอัตราผลตอบแทนพุ่งสูงขึ้น แต่พันธบัตรอายุสั้นกว่า รวมถึงพันธบัตรอายุ 2 ปี กลับไม่ได้มีการเคลื่อนไหวมากนักความแตกต่างระหว่างพันธบัตรอายุ 10 ปี และ 2 ปีนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเพิ่มขึ้นประมาณ 12 Basis Points นับตั้งแต่การประชุมของ Fed การเคลื่อนไหวดังกล่าวถูกเรียกว่า Bear Steepener ซึ่งเป็นภาวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้น โดยพันธบัตรอายุยาวเพิ่มขึ้นเร็วกว่าพันธบัตรอายุสั้น
การเคลื่อนไหวดังกล่าวจะสอดคล้องกับตลาดพันธบัตรที่คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้นในอนาคต นี่อาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญตลาดพันธบัตรบางคนตีความแถลงการณ์ของเจ้าหน้าที่ Fed ที่ว่าขณะนี้ Fed จะมุ่งเน้นมากขึ้นไปที่ตลาดแรงงานที่อ่อนแอ และยอมรับว่าพวกเขายินดีที่จะยอมทนต่อภาวะเงินเฟ้อที่สูงกว่าปกติเล็กน้อย
Fed ตั้งเป้าอัตราเงินเฟ้อไว้ที่ 2% และยังไม่มีตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจใดๆ ที่บ่งบอกว่า Fed บรรลุเป้าหมายแล้ว โดยในวันศุกร์นี้นักลงทุนจะจับตามองรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) อย่างใกล้ชิด
ผู้กำหนดนโยบายยืนยันว่า พวกเขาจะคุมเงินเฟ้อไม่ให้พลิกกลับสูงขึ้นเช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในอดีตเมื่อ Fed ผ่อนปรนนโยบายเร็วเกินไป แต่ตลาดมองว่า Fed ให้ความสำคัญกับตลาดแรงงานมากกว่า และเน้นที่การไม่ผลักดันเศรษฐกิจให้สู่ภาวะชะลอตัวหรือถดถอยโดยไม่จำเป็น อันเกิดจากการใช้นโยบายรัดเข็มขัดมากเกินไปต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นทำให้การขาดดุลงบประมาณในปีนี้ทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรก แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจะช่วยลดภาระทางการเงินได้ แต่ผู้ซื้อพันธบัตรอายุยาวอาจกลัวที่จะลงทุนในสถานการณ์ทางการคลังที่การขาดดุลกำลังเข้าใกล้ 7% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ซึ่งสิ่งนี้แทบจะไม่เคยเกิดขึ้นเลยในช่วงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว
ทางด้าน Tom Garretson นักกลยุทธ์อาวุโสด้านตราสารหนี้จาก RBC Wealth Management แสดงความเห็นว่า Fed อาจไม่เสร็จสิ้นกับวงจรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ โดย Fed อาจลดดอกเบี้ยต่ออีกอย่างน้อย 0.5% ในปีนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก THE STANDARD
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
แม้ว่า MBTI จะไม่ได้เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จในการลงทุนโดยตรง แต่การเข้าใจบุคลิกภาพของตนเองสามารถช่วยให้เลือกกลยุทธ์และรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสมกับนิสัยและความต้องการของเราได้
ทั้งเงินเฟ้อและเงินฝืดต่างก็มีผลกระทบที่แตกต่างกันในมุมมองนักเทรด แต่สิ่งสำคัญคือการเข้าใจสภาพตลาดและปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสม ถ้าเงินเฟ้อมาสูง เราต้องมองหาสินทรัพย์ที่รักษามูลค่าได้ แต่ถ้าเงินฝืดมาแรง การถือเงินสดหรือสินทรัพย์ปลอดภัยอาจเป็นทางรอด หมั่นติดตามข่าวเศรษฐกิจและปรับกลยุทธ์ให้ทัน เกมเศรษฐกิจแบบนี้ ถ้ารู้ทัน เราก็ชนะ!
บทวิเคราะห์อทองคำ
หลังทรัมป์รับตำแหน่งตลาดการเงินเป็นอย่างไรบ้าง บล.เอเซียพลัส ชี้ความกังวลที่ดูผ่อนคลายมากขึ้น หนุนให้เม็ดเงินไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง มองถ้าสหรัฐอเมริกาไม่ดุดัน ตลาดหุ้นไทยจะค่อย ๆ ดีขึ้น
AvaTrade
VT Markets
HFM
Neex
FXTM
FOREX.com
AvaTrade
VT Markets
HFM
Neex
FXTM
FOREX.com
AvaTrade
VT Markets
HFM
Neex
FXTM
FOREX.com
AvaTrade
VT Markets
HFM
Neex
FXTM
FOREX.com