简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:เทรดสั้น (Short Trade) เหมาะกับผู้ที่ต้องการทำกำไรเร็ว และสามารถรับมือกับความเสี่ยงสูงได้ เทรดยาว (Long Trade) เหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาว ไม่ต้องการเฝ้าตลาดตลอดเวลา
การลงทุนในตลาดการเงินมีหลายกลยุทธ์ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและสไตล์ของนักลงทุน หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาคือระยะเวลาการถือครองสินทรัพย์ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น เทรดสั้น (Short Trade) และ เทรดยาว (Long Trade) โดยทั้งสองรูปแบบมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน
บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจความแตกต่างระหว่างเทรดสั้นและเทรดยาว พร้อมแนวทางเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับสไตล์การลงทุนของคุณ
เทรดสั้น (Short Trade) คืออะไร?
เทรดสั้นคือการซื้อขายที่มุ่งทำกำไรจากความผันผวนของตลาดในช่วงเวลาสั้น ๆ เช่น Scalping หรือ Day Trading โดยเทรดเดอร์ต้องตัดสินใจเปิดและปิดออเดอร์อย่างรวดเร็ว อาจเป็นภายในไม่กี่นาทีหรือไม่กี่ชั่วโมง
ข้อดีของเทรดสั้น
ข้อเสียของเทรดสั้น
เทรดยาว (Long Trade) คืออะไร?
เทรดยาวเป็นกลยุทธ์ที่เน้นการลงทุนในระยะเวลานานขึ้น โดยถือครองสินทรัพย์เป็นวัน สัปดาห์ หรือแม้แต่เป็นปี การตัดสินใจลงทุนจะขึ้นอยู่กับแนวโน้มของตลาดในระยะยาว
ข้อดีของเทรดยาว
ข้อเสียของเทรดยาว
หากคุณเป็นคนที่ ชอบความรวดเร็ว ตื่นเต้น และสามารถรับความเสี่ยงสูงได้ เทรดสั้นอาจเป็นตัวเลือกที่ดี
แต่หากคุณ ต้องการลงทุนแบบสบาย ๆ ไม่ต้องเฝ้าตลาด และต้องการลดความเสี่ยง เทรดยาวอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะกว่า
สรุป
ก่อนตัดสินใจลงทุน ควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้านและเลือกแนวทางที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
จากเด็กหนุ่มหัวดื้อ สู่เศรษฐีพันล้านที่ไม่มีใครรู้จักตัวจริง!
ประเภทของความเสี่ยงในการลงทุน 1. ความเสี่ยงจากตลาด (Market Risk) 2. ความเสี่ยงจากธุรกิจ (Business Risk) 3. ความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Risk) 4. ความเสี่ยงจากสภาพคล่อง (Liquidity Risk)
กฎข้อที่หนึ่ง: ทำแผนภูมิให้เรียบง่าย โดยใช้อินดิเคเตอร์เพียงหนึ่งหรือสองตัวเท่านั้น กฎข้อที่สอง: ค่อย ๆ เพิ่มขนาดตำแหน่ง (Lot) กฎข้อที่สาม: ต้องมีแผนการเทรดอยู่เสมอ กฎข้อที่สี่: ไม่เทรดตาม “Copy Trade” แบบสุ่มสี่สุ่มห้า
บทวิเคราะห์ทองคำ
Pepperstone
EC Markets
FXCM
HFM
Vantage
Neex
Pepperstone
EC Markets
FXCM
HFM
Vantage
Neex
Pepperstone
EC Markets
FXCM
HFM
Vantage
Neex
Pepperstone
EC Markets
FXCM
HFM
Vantage
Neex