简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:ตัวตนของ “ซาโตชิ นากาโมโตะ” ผู้สร้าง Bitcoin ยังคงเป็นปริศนาที่โลกคริปโทไม่เคยไขกระจ่าง แม้เวลาจะผ่านไป Benjamin Wallace นักสืบและอดีตนักเขียน Newsweek ได้อุทิศเวลาถึง 15 ปี เพื่อตามหาผู้สร้าง Bitcoin โดยการวิเคราะห์หลักฐานที่ซาโตชิทิ้งไว้ รวมถึงตรวจสอบสมาชิกกลุ่ม Cypherpunks ที่น่าสงสัย เช่น James A. Donald อย่างไรก็ตาม แม้จะพบเบาะแสที่เชื่อมโยงได้มากมาย Donald กลับปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา Wallace ตระหนักในที่สุดว่า Bitcoin ได้เติบโตขึ้นจนอยู่เหนือผู้สร้าง และไม่จำเป็นต้องพึ่งพาบารมีของซาโตชิอีกต่อไป โดยซาโตชิอาจเป็นเพียงสัญลักษณ์แห่งอิสรภาพทางการเงินในศตวรรษที่ 21 มากกว่าจะเป็นตัวตนของใครคนหนึ่ง
เป็นที่รู้กันดีว่าตัวตนของผู้สร้าง Bitcoin อย่าง “ ซาโตชิ นากาโมโตะ” ยังคงเป็นปริศนาที่โลกคริปโตไม่เคยคลี่คลาย แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ก็ยังไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่าเขาเป็นใครกันแน่ และถึงแม้จะมีคนพยายามสืบหามากมาย หนึ่งในนั้นคือเรื่องราวของนักสืบรายหนึ่งที่ทุ่มเทเวลากว่า 15 ปี เพื่อตามหาความจริงเบื้องหลังตัวตนของผู้สร้าง Bitcoin
เรื่องราวเริ่มต้นจาก Benjamin Wallace นักสืบและอดีตนักเขียนบทความของนิตยสาร Newsweek ซึ่งได้เขียนบทความย้อนรอยเส้นทางของตัวเอง โดยเล่าว่าเขารู้จักกับแนวคิดของ Bitcoin มาตั้งแต่ปี 2011 และนับแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็เกิดความสนใจในตัวตนของ “ซาโตชิ นากาโมโตะ” อย่างลึกซึ้ง จนนำไปสู่การเริ่มต้นภารกิจตามล่าบุคคลลึกลับผู้อยู่เบื้องหลังการสร้างสกุลเงินดิจิทัลเปลี่ยนโลก
แม้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จะมีผู้คนจำนวนมากพยายามที่จะกระชากหน้ากากของซาโตชิ แต่ความพยายามเหล่านั้นกลับสูญเปล่าทั้งหมด ในขณะที่นักสืบรายนี้กลับเปิดเผยว่าเขาได้เบาะแสตัวตนของซาโตชิมาแล้ว และมันไม่เหมือนกับทฤษฏีอื่น
ย้อนกลับไปในปี 2011 Benjamin ได้พบเบาะแสแรกเกี่ยวกับตัวตนของซาโตชิผ่านอีเมลฉบับหนึ่ง ด้วยความที่เขาเขียนเกี่ยวกับ Bitcoin มาตั้งแต่ยุคเริ่มต้น จึงมีชาวเน็ตจำนวนมากส่งข้อมูลและเบาะแสต่าง ๆ มาให้เขา หนึ่งในนั้นคือการอ้างว่า “Elon Musk” อาจเป็นซาโตชิ นากาโมโตะ อย่างไรก็ตาม หลังจากสืบสวนและวิเคราะห์ข้อมูล Wallace ก็พบว่า Musk ไม่น่าจะใช่บุคคลที่อยู่เบื้องหลัง Bitcoin และเจ้าตัวเองก็เคยออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหานี้แล้ว ทำให้ภารกิจตามหาตัวจริงของซาโตชิยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
การสืบสวนในครั้งนั้นกลับกลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตของ Wallace ที่เขาได้ตัดสินใจลาออกจากงานประจำ และหันมาทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับภารกิจอันยิ่งใหญ่นี้อย่างเต็มตัว ด้วยความเชื่อมั่นว่า หากเขาเดินหน้าต่อไป เขาอาจจะได้เป็นคนแรกของโลกที่สามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของ “บิดาแห่ง Bitcoin” ได้สำเร็จ
Wallace จึงกลับมาตั้งตนใหม่และเก็บรวมรวมหลักฐานทั้งหมดที่ซาโตชิเคยทิ้งไว้ ซึ่งเขาสรุปออกมาได้ว่า ตัวของซาโตชิเป็นโปรแกรมเมอร์ที่ใช้ภาษาตกยุค หมายความว่าตัวของเขาต้องเป็นคนที่มีอายุมากพอสมควร และผู้ที่มีสิทธิจะเป็นซาโตชิมากที่สุดน่าจะเป็นคนของ Cypherpunks อย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการสืบสวน Wallace ได้พบว่ามีสมาชิกกลุ่ม Cypherpunks หลายคนที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าอาจเป็นซาโตชิ ไม่ว่าจะเป็น Nick Szabo, Adam Back หรือ Hal Finney ซึ่งล้วนแล้วแต่มีบทความ วิเคราะห์ และข้อสันนิษฐานมากมายถูกเผยแพร่ไปทั่วอินเทอร์เน็ตจนแทบกลายเป็นเรื่องซ้ำซาก ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเลือกใช้แนวทางที่แตกต่างออกไป นั่นคือการวิเคราะห์ “ภาษาเขียน” ของซาโตชิ ผ่านการพัฒนาโปรแกรมตรวจสอบรูปแบบภาษาขึ้นมาใหม่ด้วยตนเองจากศูนย์
จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาบังเอิญไปสะดุดกับคำศัพท์คำว่า “hosed” ในข้อความของซาโตชิ ซึ่งเป็นคำสแลงแบบเก่าที่ไม่ค่อยพบเห็นในปัจจุบัน คำคำนี้ทำให้เขาเชื่อมโยงไปถึง James A. Donald หนึ่งในสมาชิกยุคแรกของกลุ่ม Cypherpunks ที่เคยใช้คำนี้ในงานเขียนของตนเองอย่างโจ่งแจ้ง และที่น่าประหลาดใจก็คือ Donald เคยอยู่ในลิสต์ผู้ต้องสงสัยห่างไกลถึงอันดับที่ 42 ของเขา การค้นพบนี้จึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เขาต้องกลับมาทบทวนทุกอย่างใหม่อีกครั้ง
ต่อมา Wallace ได้เริ่มขุดคุ้ยประวัติของ James A. Donald อย่างจริงจัง และพบความจริงอันน่าตกใจว่า “James A. Donald” ไม่ใช่ชื่อจริงของเขา อีกทั้งเขายังไม่ใช่ชาวอเมริกันหรือญี่ปุ่นอย่างที่หลายคนคาดการณ์ไว้ แต่กลับเป็นชายชาวออสเตรเลียที่เคยใช้ชีวิตอยู่ใน Silicon Valley มาแล้วหลายปี และเมื่อเขานำชิ้นส่วนต่าง ๆ มาต่อเข้าด้วยกัน หลักฐานหลายอย่างก็เริ่มชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า Donald อาจเป็นบุคคลที่อยู่เบื้องหลังนามปากกา “ซาโตชิ นากาโมโตะ”
เมื่อจิ๊กซอว์เริ่มเรียงร้อยเป็นภาพชัดเจน Wallace จึงตัดสินใจบินตรงสู่ประเทศออสเตรเลีย เพื่อนัดพบกับชายปริศนาคนนี้ด้วยตนเอง หลังจากที่ฝ่ายตรงข้ามตอบรับการสัมภาษณ์อย่างไม่คาดคิด แม้ภายในใจของเขาจะยังเต็มไปด้วยความลังเลและความหวาดหวั่น เพราะ “ซาโตชิ” ถูกยกย่องให้เป็นดั่งเทพเจ้าผู้ปลดปล่อยโลกการเงินจากระบบเดิม เป็นอัจฉริยะผู้ไร้ข้อด่างพร้อย
แต่ในขณะที่ข้อมูลเบื้องหลังของ Donald กลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย… เขาคือบุคคลที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งทางความคิด เคยแสดงความคิดเห็นในประเด็นอ่อนไหวอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องศาสนา ความเชื่อ และแนวคิดสุดโต่งที่มีลักษณะเหยียดเพศ ชาติพันธุ์ และสีผิว สิ่งเหล่านี้ทำให้ Wallace ต้องเผชิญกับคำถามสำคัญในใจ — ถ้าเขาค้นพบตัวตนของซาโตชิจริง ๆ แล้ว “เราจะยังอยากรู้จักเขาอยู่หรือเปล่า?”
แต่ไม่ว่า Donald จะเป็นซาโตชิตัวจริงหรือไม่ Wallace ก็ยังคงเชื่ออย่างหนักแน่นว่า อย่างน้อยที่สุดชายคนนี้ “ต้องรู้จักกับซาโตชิ” เป็นการส่วนตัวอย่างแน่นอน
เมื่อเขาเดินทางไปถึงหน้าประตูบ้านของ Donald และได้เริ่มต้นพูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง ผลลัพธ์ที่ได้กลับทำให้เขาแทบทรุดลงตรงนั้น เพราะ Donald ปฏิเสธทุกอย่าง เขายืนกรานว่าเขาไม่ได้เป็นซาโตชิ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้าง Bitcoin เลยแม้แต่น้อย
พอถามว่า Hal Finney เป็นซาโตชิใช่ไหมเขาก็ไม่ตอบ บอกเพียงแต่ว่าตอบไม่ได้ และปล่อยให้การสืบสวนตลอด 15 ปีของนักสืบรายนี้ต้องมาถึงทางตัน
อย่างไรก็ตามบทเรียนที่เขาได้รับจากการเดินทางอันยาวนานครั้งนี้ กลับไม่ได้อยู่ที่การเปิดโปงตัวตนของซาโตชิ หากแต่อยู่ที่ความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นว่า Bitcoin ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาบารมีของผู้สร้างอีกต่อไป มันได้กลายเป็นสิ่งที่ “อยู่นอกเหนือปัจเจกบุคคล” ไปซะแล้ว
แต่ไม่ว่าซาโตชิจะมีตัวตนจริงหรือไม่ ? ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร มาจากไหน หรือแม้กระทั่งยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า ก็ไม่ได้มีผลต่อเส้นทางของ Bitcoin อีกต่อไป เพราะมันได้เติบโตและกลายเป็นพลังที่ขับเคลื่อนโลกการเงินยุคใหม่ไปแล้วอย่างไม่มีวันหวนกลับ
และสุดท้าย สิ่งที่เขาได้เรียนรู้มากที่สุดก็คือ Satoshi Nakamoto อาจไม่ใช่คนจริง ๆ แต่อาจเป็นตัวตนในจินตนาการของใครบางคน ที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็น “สัญลักษณ์” แห่งอิสรภาพ ความเปลี่ยนแปลง และจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติทางเศรษฐกิจในศตวรรษที่ 21 ที่ผู้ตัวตนของผู้สร้างจริง ๆ มิอาจเป็นได้
ขอบคุณข้อมูลจาก nymag
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
การจัดอันดับโบรกเกอร์ยอดนิยมประจำเดือน
เหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจ
หน่วยงาน DOGE ตั้งเป้าที่จะลดต้นทุนของรัฐบาลกลาง 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในไม่กี่สัปดาห์
บทวิเคราะห์ทองคำ
OANDA
IC Markets Global
XM
AvaTrade
Trive
Exness
OANDA
IC Markets Global
XM
AvaTrade
Trive
Exness
OANDA
IC Markets Global
XM
AvaTrade
Trive
Exness
OANDA
IC Markets Global
XM
AvaTrade
Trive
Exness