简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีก 50% ส่งผลให้ภาษีรวมพุ่งเป็น 104% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน เป็นต้นไป ซึ่งเป็นการยกระดับสงครามการค้ากับจีนอย่างมีนัยสำคัญ จีนตอบโต้ทันทีด้วยการปรับค่าเงินหยวนให้อ่อนค่าลงและเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกตอบสนองด้วยการปรับลดลงอย่างรุนแรง โดยนักวิเคราะห์เตือนว่าอาจเกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจทั่วโลกและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในสหรัฐฯ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ได้ลงนามในคำสั่งบริหารเมื่อค่ำวันอังคารที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) โดยเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีก 50% ซึ่งนับเป็นการยกระดับสงครามการค้ากับจีนอย่างมีนัยสำคัญ ภายหลังจีนไม่ยอมถอยจากมาตรการตอบโต้ทางภาษี
คำสั่งดังกล่าวทำให้อัตราภาษีรวมที่สหรัฐฯ เรียกเก็บกับสินค้าจีนพุ่งขึ้นเป็น 104% จากเดิม 34% และจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 04:01 น. ของวันที่ 9 เมษายน โดยเป็นการเพิ่มขึ้นจากภาษี 20% ที่ได้มีการเรียกเก็บไปแล้วก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมีนาคม
นอกจากภาษีศุลกากรทั่วไปแล้ว คำสั่งนี้ยังรวมถึงการปรับขึ้นภาษีสินค้ากลุ่ม De Minimis ซึ่งเป็นสินค้าราคาต่ำจากจีนและฮ่องกงที่ก่อนหน้านี้เคยได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า
ทางการจีนตอบโต้ทันที โดยระบุว่าจะ “ต่อสู้จนถึงที่สุด” และเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อรองรับผลกระทบจากแรงกดดันทางภาษี ขณะที่สหรัฐฯ แม้จะเริ่มพูดคุยเรื่องการค้าใหม่กับประเทศต่าง ๆ แล้วกว่า 50 แห่ง แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องการเจรจากับจีนแต่อย่างใด
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ขู่จีนผ่านโซเชียลมีเดียว่า หากยังไม่ยอมถอนภาษีตอบโต้ในอัตรา 34% ต่อสินค้าสหรัฐฯ จะมีการเพิ่มภาษีอีก 50% ทันที ซึ่งในที่สุดก็ได้มีการลงนามจริงตามที่ขู่ไว้
นักวิเคราะห์เตือนว่า การเผชิญหน้าทางภาษีในครั้งนี้อาจสร้างผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะต่อบริษัทอเมริกันที่พึ่งพาการนำเข้าสินค้าจากจีน ซึ่งจะเผชิญต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก
ตลาดหุ้นทั่วโลกตอบสนองต่อสถานการณ์ด้วยความกังวล โดยดัชนีในเอเชีย ยุโรป และสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นผลจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและความเสี่ยงที่อาจลุกลามกลายเป็นสงครามการค้าเต็มรูปแบบ
ประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่า มาตรการภาษีชุดใหม่นี้มีเป้าหมายเพื่อแก้ไขแนวปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม และส่งเสริมการผลิตภายในประเทศสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่า มาตรการเหล่านี้จะนำไปสู่การเจรจาหรือการลดความตึงเครียดกับจีนในเร็ววันหรือไม่
ความเห็นเพิ่มเติม
นักวิเคราะห์การเงินหลายรายได้ออกมาแสดงความเห็นต่อคำสั่งบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ในการขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนอย่างรุนแรง โดย ลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ส อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า การดำเนินมาตรการลักษณะนี้อาจนำพาสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ พร้อมคาดการณ์ว่าอาจมีการสูญเสียงานกว่า 2 ล้านตำแหน่ง และรายได้ครัวเรือนโดยเฉลี่ยอาจลดลงถึง 5,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี โดยซัมเมอร์สยังเปรียบเทียบมาตรการภาษีเหล่านี้กับ “ภาษี Smoot-Hawley” ในยุคเศรษฐกิจตกต่ำเมื่อปี 1930 ซึ่งเคยสร้างความเสียหายอย่างมหาศาลต่อระบบเศรษฐกิจโลก
แดน ไอฟส์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Wedbush เตือนว่า ภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้นจะกระทบกับต้นทุนของผู้บริโภคโดยตรง โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเทคโนโลยี ซึ่งอาจเผชิญกับภาวะราคาพุ่งขึ้นถึง 40–50% พร้อมระบุว่าการปรับขึ้นภาษีครั้งนี้เทียบได้กับ “พายุราคา ระดับ 5” ที่อาจกดดันการเติบโตของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในสหรัฐฯ โดยเฉพาะการพัฒนา AI
ด้าน มาร์ค โมเบียส นักลงทุนระดับโลกและผู้ก่อตั้ง Mobius Capital Partners กลับมองว่า จีนอาจได้เปรียบในระยะยาวจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ หากปักกิ่งสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศได้สำเร็จ และลดการพึ่งพาการส่งออกไปยังสหรัฐฯ พร้อมทั้งพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีให้เติบโตอย่างอิสระ
ขณะเดียวกัน สัญญาณจากจีนยังคงแข็งกร้าว โดยมีรายงานว่ารัฐบาลปักกิ่งได้ปรับค่าเงินหยวนให้อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 20 เดือน เพื่อบรรเทาผลกระทบจากภาษีของสหรัฐฯ และสนับสนุนการส่งออกของจีนในช่วงเวลาที่เผชิญแรงกดดันจากสงครามการค้าอย่างเข้มข้น
ขอบคุณข้อมูลจาก investing thailand
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
บทความนี้นำเสนอคำแนะนำสำหรับนักเทรด Forex ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวนและสภาพคล่องลดลง ส่งผลให้การเทรดมีความเสี่ยงที่สูงขึ้น แอดเหยี่ยวแนะนำสัญญาณเตือน 3 ประการที่นักเทรดควรระมัดระวัง ได้แก่ ความผันผวนที่อาจสูงหรือต่ำเกินไป ข่าวเศรษฐกิจสำคัญที่อาจกระทบตลาด และความเสี่ยงจากการเทรดเกินตัว (Overtrading) พร้อมทั้งแนะนำวิธีการจัดการความเสี่ยง เช่น การลดขนาดการลงทุน การตั้ง Stop-Loss และ Take-Profit ให้ชัดเจน และการหยุดพักเมื่อรู้สึกเครียด เพื่อให้การเทรดในช่วงสงกรานต์เป็นไปอย่างปลอดภัยและประสบความสำเร็จ.
บทความนี้กล่าวถึงทางเลือกระหว่าง "เทรด" หรือ "เที่ยว" ของนักเทรดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งแม้ตลาด Forex จะไม่หยุดตามวันหยุดไทย แต่การตัดสินใจว่าจะใช้ช่วงเวลานี้ในการเทรดต่อหรือพักผ่อนก็ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความพร้อมของแต่ละคน โดยแบ่งออกเป็นสองแนวทางหลักคือ การเทรดต่อเนื่องเพื่อจับโอกาสในตลาดที่เงียบ และการพักเพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจและวางแผนระยะยาว บทความเน้นว่าทั้งสองทางเลือกต่างมีข้อดีและข้อควรระวัง พร้อมชี้ให้เห็นว่าความสำเร็จของนักเทรดไม่ได้ขึ้นอยู่กับการอยู่หน้าจอตลอดเวลา แต่คือการรู้เท่าทันตัวเองและเลือกทำสิ่งที่สอดคล้องกับเป้าหมายในช่วงเวลานั้นอย่างแท้จริง
บทความนี้นำเสนอเคล็ดลับการจัดการเงิน (Risk Management) สำหรับนักเทรด Forex ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตลาดอาจมีความผันผวนหรือสภาพคล่องลดลงจากวันหยุดในหลายประเทศ ผู้เขียนแนะนำวิธีลดความเสี่ยง เช่น การลดขนาดการลงทุน การตั้ง Stop-Loss และ Take-Profit อย่างเคร่งครัด หลีกเลี่ยงการเปิดคำสั่งในช่วงตลาดปิด ใช้เครื่องมือช่วยเทรดอัตโนมัติ ควบคุมอารมณ์การเทรด และไม่ลืมที่จะพักผ่อนอย่างเหมาะสม โดยเน้นความสมดุลระหว่างการเทรดกับการใช้ชีวิต เพื่อให้สามารถรักษาพอร์ตได้มั่นคง พร้อมทั้งมีสุขภาพจิตที่ดีตลอดช่วงเทศกาล.
บทความนี้พาผู้อ่านไปสำรวจความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์ ETO Markets ซึ่งแม้จะเริ่มเป็นที่พูดถึงในกลุ่มนักลงทุน แต่กลับมีเสียงสะท้อนด้านลบหลายประเด็น เช่น การใช้งานเว็บไซต์ที่ซับซ้อน ระบบฝาก–ถอนที่ล่าช้า ขาดการสนับสนุนภาษาไทย และค่าบริการที่สูงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง บทความจึงเน้นย้ำให้นักลงทุนตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเลือกใช้โบรกเกอร์ที่ยังไม่มีความมั่นคงเพียงพอ.
Pepperstone
ATFX
AvaTrade
Markets.com
Exness
Saxo
Pepperstone
ATFX
AvaTrade
Markets.com
Exness
Saxo
Pepperstone
ATFX
AvaTrade
Markets.com
Exness
Saxo
Pepperstone
ATFX
AvaTrade
Markets.com
Exness
Saxo