简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:บทความนี้เปรียบเทียบบิทคอยน์และทองคำในฐานะสินทรัพย์เพื่อการลงทุน โดยชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างในด้านจำนวนจำกัด ความสามารถในการเก็บมูลค่า ความปลอดภัย และความคล่องตัวในการเคลื่อนย้าย ทั้งสองสินทรัพย์มีบทบาทในการป้องกันความเสี่ยงและตอบโจทย์นักลงทุนในลักษณะที่ต่างกัน — บิทคอยน์เหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูงและสนใจเทคโนโลยีใหม่ ส่วนทองคำเหมาะกับผู้ที่ต้องการความมั่นคงระยะยาว บทสรุปเสนอแนวทาง “กระจายการลงทุน” ถือทั้งสองสินทรัพย์ตามสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อสร้างสมดุลระหว่างโอกาสและความปลอดภัยในพอร์ตลงทุน
นักลงทุนจำนวนไม่น้อยอาจเคยลังเลระหว่าง “คริปโทฯ ยุคใหม่” กับ “สินทรัพย์เก่าแก่ระดับตำนาน” เพราะทั้งบิทคอยน์และทองคำ ต่างก็ถูกพูดถึงในฐานะเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง และมีบทบาทเด่นในพอร์ตของนักลงทุนทั่วโลก
แอดเหยี่ยวเลยขออาสา พาบินวนดูให้ครบทุกมุมว่า...สองสินทรัพย์นี้ต่างกันตรงไหน? แบบไหนเหมาะกับใคร? แล้วมีอะไรที่คุณควรรู้ก่อนเลือกใส่เข้าพอร์ต?
บิทคอยน์คืออะไร? ทำไมใคร ๆ ก็พูดถึง?
บิทคอยน์ (Bitcoin) คือคริปโทฯ ตัวแรกของโลก ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็น “เงินที่ไม่ต้องพึ่งธนาคารกลาง” ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นตัวกลางในการบันทึกข้อมูล ทุกธุรกรรมจะถูกกระจายไปทั่วเครือข่าย ไม่ต้องกลัวโดนแก้ไข หรือปลอมแปลงง่าย ๆ นับจากวันแรก (ปี 2009) จนถึงวันนี้ บิทคอยน์เติบโตจากของใหม่ที่คนยังไม่กล้าจับ มาเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าตลาดมหาศาล และถูกใช้ในบางประเทศจริง ๆ แล้วด้วยนะ (เช่น เอลซัลวาดอร์ ที่ประกาศใช้เป็นเงินถูกกฎหมายไปแล้ว)
เทียบกันชัด ๆ บิทคอยน์ vs ทองคำ ต่างกันตรงไหน?
1. ปริมาณ
ล่าสุด (ปี 2024) มีบิทคอยน์ถูกขุดออกมาแล้วกว่า 19.6 ล้านเหรียญ คงเหลืออีกไม่ถึง 2 ล้านเหรียญสุดท้ายก่อนครบเพดาน
2. การเก็บมูลค่า
3. ความปลอดภัย
4. การเคลื่อนย้าย
แล้วควรเลือกลงทุนอะไรดี?
ขึ้นอยู่กับนิสัยและเป้าหมายการลงทุนของคุณล้วน ๆ เลยครับ!
กลยุทธ์ที่น่าสนใจในปี 2025 คือการ “กระจายความเสี่ยง” ถือทั้งสองอย่างในสัดส่วนที่เหมาะสมตามพอร์ตของตัวเอง
สรุป
บิทคอยน์กับทองคำต่างก็มีข้อดีคนละแบบ เหมือนการเลือกขี่เครื่องบินไอพ่นหรือบอลลูน — จะเร็วสุดขั้วหรือมั่นคงเรื่อย ๆ ขึ้นอยู่กับว่า...คุณอยากบินแบบไหน แต่ไม่ว่าจะเลือกทางไหน ขอให้ลงทุนแบบมีสติ ศึกษาให้ดีก่อนใส่เงินจริง แล้วพอร์ตของคุณจะไม่หลงทิศกลางอากาศแน่นอน!
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
บทความนี้เปิดโปงปรากฏการณ์ “Pump and Dump” ในโลกคริปโต ที่อินฟลูเอนเซอร์ใช้ชื่อเสียงปลุกกระแสเหรียญเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน โดยมักได้รับค่าตอบแทนหรือถือเหรียญไว้ล่วงหน้า ก่อนราคาจะถูกปั่นขึ้นจากความเชื่อของผู้ติดตาม แล้วถูกเทขายจนเหรียญราคาร่วง กรณีศึกษา “SaveTheKids” ชี้ให้เห็นว่าแม้อินฟลูเอนเซอร์จะมีชื่อเสียง แต่ไม่ได้หมายความว่ามีจรรยาบรรณ นักลงทุนจึงต้องใช้วิจารณญาณและตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้านก่อนตัดสินใจลงทุน
“Bitcoin Pizza Day” เป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของคริปโตเคอร์เรนซี่ โดยเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ปี 2010 เมื่อโปรแกรมเมอร์ชาวฟลอริดาชื่อ Laszlo Hanyecz ใช้ Bitcoin จำนวน 10,000 เหรียญซื้อพิซซ่า 2 ถาด ถือเป็นครั้งแรกที่ Bitcoin ถูกใช้ในการซื้อสินค้าจริงในชีวิตประจำวัน แม้เหรียญเหล่านั้นจะมีมูลค่าเพียง 1,300 บาทในตอนนั้น แต่หากเก็บไว้จนถึงปัจจุบัน มูลค่าจะทะลุ 33,000 ล้านบาท เหตุการณ์นี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่เปลี่ยน Bitcoin จากแนวคิดในกลุ่มเล็ก ๆ ให้กลายเป็นสินทรัพย์ระดับโลกที่มีอิทธิพลทางการเงินอย่างมหาศาล.
บทความนี้พาย้อนรอยคดีแชร์ลูกโซ่ในโลกคริปโต ตั้งแต่ BitConnect, OneCoin, PlusToken ไปจนถึงโปรเจกต์ไทยอย่าง HashBX และฟีเวอร์ ICO ในปี 2017–2018 สะท้อนให้เห็นรูปแบบหลอกลวงที่เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนหน้าตา แต่ยังคงใช้กลยุทธ์เดิมคือ “สัญญาผลตอบแทนสูงในเวลาอันสั้น” โดยแฝงเทคโนโลยีทันสมัยมาเพิ่มความน่าเชื่อถือ บทเรียนสำคัญคือ นักลงทุนต้องระวังกับคำพูดที่ดูดีเกินจริง และควรตรวจสอบข้อมูลให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่มีใครรับประกันความปลอดภัยได้ในระยะยาว.
บทความนี้อธิบาย “ทฤษฎีแมลงสาบ” ในโลกคริปโต โดยเปรียบคริปโตเคอเรนซีกับแมลงสาบที่อยู่รอดได้แม้ในสถานการณ์เลวร้ายที่สุด ด้วยคุณสมบัติอย่างการกระจายศูนย์ ต้านการเซ็นเซอร์ และการปรับตัวอย่างรวดเร็ว บทสรุปคือ คริปโตไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ แค่อยู่รอดและพัฒนาได้ก็เพียงพอ.
GO Markets
Markets.com
Neex
FBS
IB
GTCFX
GO Markets
Markets.com
Neex
FBS
IB
GTCFX
GO Markets
Markets.com
Neex
FBS
IB
GTCFX
GO Markets
Markets.com
Neex
FBS
IB
GTCFX