น้ำมันร่วงลงอีก จากความตึงเครียดระหว่างจีน-ไต้หวัน

โดย Ambar Warrick

Investing.com - ราคาน้ำมันร่วงลงต่ำกว่าระดับที่สำคัญในวันศุกร์ และจะขาดทุนรายสัปดาห์ครั้งใหญ่ เนื่องจากความตึงเครียดระหว่างจีนและไต้หวันที่ทวีความรุนแรงขึ้น รวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งอังกฤษ ซึ่งส่งผลให้ความต้องการน้ำมันดิบลดลง

ในเวลา 20.11 ET (00.11 GMT) สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ซื้อขายลดลง 0.3% ที่ 88.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ก่อนที่รัสเซียจะบุกยูเครน

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์ เพิ่มขึ้น 0.5% เป็น 93.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เกณฑ์ชี้วัดทั้งสองร่วงลงมากกว่า 3% ในวันพฤหัสบดี และยังคงมุ่งหน้าสู่การขาดทุนรายสัปดาห์ระหว่าง 12% ถึง 17%

ราคาน้ำมันดิบร่วงลงในวันพฤหัสบดีหลังจากจีนยิงขีปนาวุธไปรอบ ๆ เกาะไต้หวัน ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นมาจากการที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แนนซี เพโลซีเยือนไทเป

การเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของเอเชียแย่ลงอย่างมีนัยสำคัญ และมีแนวโน้มที่จะกระทบราคาสินทรัพย์อื่น ๆ ในภูมิภาค

นอกจากนี้ ธนาคารกลางอังกฤษ ยังได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและส่งสัญญาณมาตรการเพิ่มเติมเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งคาดการณ์ได้ว่าอาจจะเกิดความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจในระยะสั้น

นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นในประเทศพัฒนาแล้ว กำลังเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับภาวะถดถอยที่กำลังจะเกิดขึ้น เนื่องจากประเทศส่วนใหญ่ต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่สูง

ราคาน้ำมันที่ลดลงในสัปดาห์นี้เกิดจากความอ่อนแอของ ข้อมูล ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน ที่ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ที่ชะลอตัว

โดยตัวเลข น้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ที่มากขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ ยังชี้ให้เห็นถึงอุปทานส่วนเกินที่อาจเกิดขึ้นในกลุ่มผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก

องค์กรของประเทศและพันธมิตรผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC+) ได้เปิดเผยรายงานเกี่ยวกับ อุปทานที่เพิ่มขึ้นน้อยที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งแสดงถึงแนวโน้มอุปสงค์ที่อ่อนแอ

ถึงกระนั้น วิกฤตการณ์ด้านพลังงานในยุโรปสามารถช่วยรักษาราคาน้ำมันไว้ได้ แม้ว่าอุปสงค์ทั่วโลกจะลดลงก็ตาม โดยกลุ่มพยายามที่จะยุติการใช้น้ำมันและก๊าซที่รัสเซียจัดหาให้ เพื่อตอบโต้ที่มอสโกรุกรานยูเครน

ราคาน้ำมันที่ร่วงลงยังช่วยบรรเทาบางประเทศที่นำเข้าสินค้าหนักซึ่งประสบปัญหาเงินเฟ้อจากราคาน้ำมันที่สูง

ขณะนี้จุดสนใจของนักลงทุนอยู่ที่ ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ ที่จะเปิดเผยภายในวันนี้ โดยข้อมูลจะให้เบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก